กฎการบินล่าสุด! ของเหลว เจล ปริมาณเท่าไหร่ ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการตรวจค้นของเหลว เจล และสเปรย์ที่สามารถนำขึ้นบนอากาศยานหรือนำเข้าไปในเขตหวงห้ามของสนามบินสาธารณะ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ทำให้ข้อบังคับฉบับเดิมเกี่ยวกับการนำของเหลวขึ้นเครื่องบินสิ้นสุดลง ประกาศดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา มีรายละเอียดหลักเกณฑ์รวม 11 ข้อ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนได้รับทราบและปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง

หลักเกณฑ์การนำของเหลว เจล สเปรย์ขึ้นเครื่องบิน

ตามประกาศฉบับล่าสุด ของเหลว เจล และสเปรย์ (LAGs: Liquids, Aerosols and Gels) ที่ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบิน (Carry-On Baggage) จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์พื้นฐานดังนี้:

  1. ต้องบรรจุในภาชนะที่มีปริมาตรความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร หรือ 100 กรัม หรือ 3.4 ออนซ์
  2. บรรจุภัณฑ์ต้องมีข้อความระบุปริมาตรอย่างชัดเจน
  3. ภาชนะบรรจุต้องปิดสนิทเพื่อป้องกันการรั่วไหล
  4. ต้องนำมาแสดงแยกต่างหากเมื่อผ่านจุดตรวจค้น

ข้อกำหนดสำหรับอาหารพื้นเมืองและของเหลวอื่นๆ

สำหรับอาหารพื้นเมืองที่มีของเหลวเป็นส่วนผสมหลัก เช่น แกง ซุป น้ำพริก น้ำจิ้ม หรืออาหารประเภทน้ำอื่นๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เช่นเดียวกับของเหลวทั่วไป กล่าวคือ:

  1. ต้องมีปริมาตรไม่เกิน 100 มิลลิลิตรต่อภาชนะ
  2. ต้องมีการระบุปริมาตรอย่างชัดเจน
  3. หากมีปริมาตรเกิน 100 มิลลิลิตร จะต้องจัดเก็บในสัมภาระลงทะเบียน (Checked Baggage) ที่โหลดใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น

ข้อยกเว้นพิเศษสำหรับของเหลวบางประเภท

มีของเหลวบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดเรื่องปริมาณ 100 มิลลิลิตร แต่ทั้งนี้ปริมาณที่นำติดตัวขึ้นเครื่องจะต้องมีความเหมาะสมกับระยะเวลาการเดินทางในแต่ละเที่ยวบิน ได้แก่:

  1. ยาที่จำเป็น – ยาที่มีใบรับรองแพทย์ ฉลาก หรือเอกสารกำกับยาที่ระบุชื่อผู้โดยสารที่จำเป็นต้องใช้ยานั้น หรือยาสามัญประจำบ้านตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
  2. อาหารสำหรับทารก – อาหารหรือนมสำหรับเด็กทารกที่เดินทางร่วมกับผู้โดยสาร
  3. อาหารตามข้อกำหนดพิเศษ – อาหารที่ต้องพกพาตามข้อกำหนดทางการแพทย์หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางโภชนาการเฉพาะ

การจัดเก็บของเหลวในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง

เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ของเหลว เจล และสเปรย์ทั้งหมดที่อยู่ในปริมาณไม่เกิน 100 มิลลิลิตร ควรจัดเก็บในถุงพลาสติกใสที่ปิดผนึกได้ขนาดไม่เกิน 20 x 20 เซนติเมตร หรือขนาดอื่นที่มีปริมาตรรวมไม่เกิน 1 ลิตร โดยผู้โดยสารสามารถนำถุงพลาสติกใสดังกล่าวได้เพียง 1 ถุงต่อคนเท่านั้น

ข้อควรระวังเมื่อเดินทาง

ผู้โดยสารควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าของเหลว เจล และสเปรย์ที่นำติดตัวขึ้นเครื่องเป็นไปตามข้อกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าที่จุดตรวจค้นและป้องกันการถูกยึดสิ่งของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น เครื่องสำอาง น้ำหอม หรือของที่ระลึกที่เป็นของเหลว

รายการของเหลวที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

ผู้โดยสารควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับของเหลวประเภทต่อไปนี้ เนื่องจากมักถูกมองข้ามว่าเป็นของเหลว:

  1. เครื่องสำอางประเภทครีมและโลชั่น
  2. ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และเจลล้างมือ
  3. น้ำหอมและสเปรย์ระงับกลิ่นกาย
  4. เครื่องดื่มและอาหารที่มีลักษณะเป็นของเหลว
  5. ของที่ระลึกที่มีส่วนประกอบเป็นของเหลว เช่น ลูกแก้วหิมะ
  6. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผมที่เป็นของเหลว
  7. น้ำผึ้ง แยม และซอสต่างๆ

ข้อยกเว้นสำหรับสินค้าปลอดภาษี

สินค้าปลอดภาษีที่เป็นของเหลวซึ่งซื้อจากร้านค้าปลอดภาษีหลังจากผ่านจุดตรวจค้นในสนามบินต้นทาง สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ แม้จะมีปริมาตรเกิน 100 มิลลิลิตร โดยจะต้องบรรจุในถุงพลาสติกปิดผนึกพร้อมใบเสร็จรับเงินที่ออกในวันเดียวกับการเดินทาง อย่างไรก็ตาม หากผู้โดยสารมีการเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินอื่น อาจต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเฉพาะของแต่ละประเทศ

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ผู้โดยสารควรเตรียมตัวดังนี้:

  1. จัดเตรียมของเหลวที่มีปริมาตรไม่เกิน 100 มิลลิลิตรในถุงพลาสติกใสที่ปิดผนึกได้
  2. เตรียมเอกสารยืนยันสำหรับยาหรืออาหารพิเศษที่จำเป็นต้องนำขึ้นเครื่อง
  3. โหลดของเหลวที่มีปริมาตรเกิน 100 มิลลิลิตรลงในกระเป๋าเดินทางที่จะฝากไว้ใต้ท้องเครื่อง
  4. ตรวจสอบกฎระเบียบของสายการบินและสนามบินปลายทางเพิ่มเติม เนื่องจากอาจมีข้อกำหนดเฉพาะเพิ่มเติม

บทสรุป

กฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการนำของเหลว เจล และสเปรย์ขึ้นเครื่องบินมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศ ผู้โดยสารทุกคนควรทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การเตรียมตัวล่วงหน้าและการจัดการสัมภาระอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปราศจากปัญหา หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลได้จากสายการบินหรือสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยโดยตรง

การเข้าใจกฎระเบียบเหล่านี้จะช่วยให้ผู้โดยสารหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกและความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการตรวจค้น รวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารทุกคน