ไม่ใช่ความสามารถหรอกที่บอกว่าเราเป็นใคร แต่(เราจะเป็นใคร) มันอยู่ที่เราเลือกต่างหาก
It is not our abilities that show what we truly are… it is our choices.-อัลบัส ดัมเบิลดอร์ : Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002)
เราทุกคนมักจะต้องเคยได้ยินกันมาบ้างว่า แต่ละคนนั้นเกิดมาคู่กับความสามารถในตัวเองเสมอ แต่ความสามารถของแต่ละคนนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไป ความสามารถของบางคนอาจจะโดดเด่นอย่างชัดเจน ในขณะที่บางคนนั้นก็อาจจะไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่นเหมือนใครๆ จนทำให้บางครั้งก็อาจจะรู้สึกด้อยค่าในตัวเองได้
ตั้งแต่เด็กๆนั้นหลายคนก็มักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดเสมอๆว่า ให้หาความสามารถของตัวเองให้เจอเสียตั้งแต่เด็กๆเพื่อที่พอโตมา จะได้รู้ว่าตัวเองจะทำอาชีพอะไรในอนาคต บางคนร้องเพลงเก่งกล้าแสดงออก โตไปก็ควรไปเป็นนักร้อง บางคนเล่นกีฬาเก่งก็ไปเรียนโรงเรียนกีฬาต่อเพื่อจะเป็นนักกีฬาอาชีพในอนาคต แต่แล้วถ้าเกิดว่าสิ่งที่เราชอบ เราใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นมันไม่ใช่ความสามารถของเราหละ เราจะยังอยากเป็นในสิ่งนั้นอยู่ไหม
ฉันเชื่อว่าต้องมีใครหลายๆคน ที่ชอบร้องเพลงเป็นอย่างมากและมีความสุขทุกครั้งที่ได้จับไมค์ร้องเพลง จนคิดว่าโตไปต้องเป็นนักร้องให้ได้ แต่ถึงจะมีความฝันว่าอยากเป็นนักร้องมากแค่ไหน ถ้าความเป็นจริงแล้วคนๆนั้นร้องเพลงเพี้ยน เขาก็อาจจะล้มเลิกความคิดที่อยากจะเป็นนักร้องไป ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่คิดแบบนี้ ฉันอยากจะบอกคุณว่าอย่าเพิ่งรีบตัดสิทธิ์ตัวเองเร็วขนาดนั้น
ดังคำคมจากภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Chamber of Secrets ที่ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ได้กล่าวไว้ว่า “ไม่ใช่ความสามารถหรอกที่บอกว่าเราเป็นใคร แต่(เราจะเป็นใคร) มันอยู่ที่เราเลือกต่างหาก” ขยายความหมายของคำคมในส่วนนี้ได้ว่า ความสามารถที่เรามีอยู่ในตัวนั้นไม่ได้บอกว่าเราเป็นใครควรจะทำอะไร เพราะตัวเราเองต่างหากที่จะต้องเป็นคนที่เลือกด้วยตัวเราเองว่าจะทำในสิ่งที่เราต้องการหรือไม่
โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นเด็กที่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลย เขาคิดเสมอว่าเขาเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีเวทมนต์ ไม่มีความสามารถที่โดดเด่นเหมือนอย่างเด็กคนอื่นในโรงเรียนพ่อมดแม่มดฮอกวอตส์ และความไม่มั่นใจและไม่เชื่อมั่นในตัวเองนี่เองที่ทำให้เขาไม่สามารถทำหลายๆอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้ได้สำเร็จ จนเมื่อวันหนึ่งที่เขาก็ได้ค้นพบว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จำเป็นจะต้องเกิดมาพร้อมความสามารถ เพราะความสามารถนั้นเราสามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้ จากความชอบและการฝึกฝน
ด้วยเหตุนี้เองในตอนหลังของภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ได้กลายเป็นพ่อมดที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงจากกลายฝึกฝนเวทมนต์อย่างหนักหน่วง และนี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าพรสวรรค์นั้นต้องมาคู่กันกับพรแสวงเสมอ ยกตัวอย่างเช่น มีเด็กชายอยู่ 2 คนทั้งสองคนใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยกันทั้งคู่ โดยเด็กคนแรกนั้นมีความสามารถในการเล่นฟุตบอลมาก แข่งนัดไหนก็มักจะชนะ และด้วยความเก่งนี่เองที่ทำให้เขาคิดว่าเขามีพรสวรรค์ในด้านนี้จึงไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากมายก็สามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ไม่ยาก ในขณะที่เด็กชายคนที่สองเด็กคนนี้ก็ชอบที่จะได้เล่นฟุตบอลไม่แพ้ไปกว่าเด็กคนแรก แต่เด็กคนที่สองนี้อาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลที่โดดเด่นเหมือนอย่างเด็กคนแรก เหตุนี้เองที่ทำให้เด็กคนนี้ต้องพยายามฝึกฝนตัวเองให้หนักขึ้นเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเมื่อฝึกมากขึ้นเรื่อยๆก็ย่อมเกิดเป็นความชำนาญ จากเด็กคนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งตอนในวันข้างหน้าเขาก็อาจจะกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้เหมือนกัน มองกลับไปเด็กคนแรกอาจจะไม่ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลด้วยซ้ำเพราะคิดว่าตัวเองเก่งมีพรสวรรค์ไม่ต้องฝึกก็ได้ มันก็เหมือนกับประโยคปลุกใจที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น” นั่นแหละ เพราะในชีวิตของคนเราไม่มีอะไรที่ได้มากอย่างง่ายดายไปเสียทุกเรื่อง บางเรื่องเราอาจต้องเสียทั้งหยาดเหงื่อและหยดน้ำตา เพื่อแลกมันมา แต่เชื่อเถอะว่ามันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้ทุ่มเทไปในตอนแรกเสมอ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะว่าคุณ ว่าคุณไม่มีพรสวรรค์ไม่มีความสามารถที่จะทำมัน ฉันอยากให้คุณไม่ต้องไปฟังคำพูดเหล่านั้นเพราะนั่นมันก็เป็นเพียงคำพูดที่คุณไม่ควรที่จะไปให้ค่ากับมัน และก็อย่าให้เป็นตัวคุณเสียเองที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองและตัดโอกาสของคุณไปเพียงแค่เพราะไม่คิดว่าจะทำมันได้ เป้าหมายของแต่ละคนนั้นต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นความพยายามที่จะไปได้ถึงเป้าหมายนั้นก็ย่อมต่างกันไปด้วย บางคนไม่ต้องใช้ความพยายามมากก็สามารถไปถึงเป้าหมายได้ ในขณะที่อีกหลายๆ คนต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้มันมา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันล้วนขึ้นอยู่กับตัวคุณทั้งนั้น เพราะทุกอย่างคือผลของการกระทำของตัวคุณนั่นเอง
