คนที่น่าอิจฉาที่สุดคือคนที่ไม่อิจฉาใครเลย มันเป็นเคล็ดลับความสุขง่ายๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำกัน
-อาซา (เจมส์ จิรายุ)
การที่เราจะเป็นคนน่าอิจฉาที่สุดไม่ใช่คนที่มีเพียบพร้อมทุกอย่างหากแต่เราแค่พอใจในสิ่งที่ตนมี ไม่อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น จงใช้ชีวิตให้มีความสุขโดยการคิดว่าตนเองนี้แหละโชคดีที่สุขในโลกแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่า”คนที่น่าอิจฉาที่สุดคือคนที่ไม่อิจฉาใครเลยมันเป็นเคล็ดลับความสุขง่ายๆที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำกัน”อย่างเช่น เรามีบ้าน ถึงจะไม่ใหญ่เหมือนคนอื่น มีรถถึงจะไม่แพงเหมือนคนอื่นก็ตาม เวลาจะใช้เงินต้องคิดแล้วคิดอีก แต่เราไม่มีหนี้สินให้ต้องใช้กัน นั้นมันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่เราจะมีความสุขได้ บ้างคนมีบ้านหลังใหญ่โต มีรถหรูๆขับ ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังเขาอาจจะกำลังเป็นหนี้อยู่ก็ได้ เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าจงพอใจในสิ่งที่ตนมี
ทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ถ้ามันดีให้มีความสุขกับมัน เพราะมันจะอยู่กับเราได้ไม่นาน ถ้ามันไม่ดีอย่าไปกังวลกับมันเ พราะมันจะอยู่กับเราอีกไม่นานเหมือนกัน
-เรณู (เบลล่า ราณี)
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนและอยู่กับเราตลอดเวลา ไม่นานทุกอย่างจะหายไปตามกาลเวลา ทุกวันนี้มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิต ถ้าเกิดเป็นเรื่องที่ดีจนรีบคว้าไว้แล้ว และใช้ความสุขให้เต็มที่ก่อนที่มันจะหายไปแต่ถ้าหากมันไม่ใช่เรื่องที่ดีนักจงอย่าไปกังวล จงใช้ชีวิตตามปกติ ในไม่ช้าเรื่องไม่ดีเล่านั้นจะหายไปเองดังคำกล่าวที่ว่า”ทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวถ้ามันดีให้มีความสุขกับมันเพราะมันจะอยู่กับเราได้ไม่นาน ถ้ามันไม่ดีอย่าไปกังวลกับมันเพราะมันจะอยู่กับเราอีกไม่นานเหมือนกัน”อย่างเช่นวันนี้เราโดนเจ้านายดุ หรือตกงาน ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราอาจจะถูกหวยก็ได้และใครจะรู้อีกละคะ ว่าเราอาจะใช้เงินหมดไปกับการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือใช้นี้ โปรดจำไว้ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราถาวร
เวลาโกรธหรือโมโหใคร อย่าไปด่าเขา (เพราะ)เมื่อความโกรธหายไป แต่คำด่ายังฝั่งใจอยู่
-อาซา (เจมส์ จิรายุ)
อารมณ์โกรธ หรือโมโหเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ใครเลยจะไม่มีความโกรธหรือโมโหแต่อยู่ที่ว่าจะโกรธมากโกรธน้อย โมโหมากโมโหน้อยก็แค่นั้น และถ้าเกิดเราโกรธหรือโมโเราจะจัดการกับอารมณ์เล่านั้นยังไง จะแสดงออกไปด้วยการพูดที่ถ้อยคำที่รุ่นแรงไหม และถ้าทำอย่างนั้นผลที่ตามมาคืออะไร มันเป็นความจริงเสมอเมื่อเราหายโกรธแล้ว เราก็ลืมสิ่งที่ตนเองพูด แล้วคนฟังละ เขาได้ลืมกับคุณไหมดังคำกล่าวที่ว่า”เวลาโกรธหรือโมโหใครอย่าไปด่าเขาเมื่อความโกรธหายไปแต่คำด่ายังฝั่งใจอยู่”อย่างเช่น เราทะเลาะกับเพื่อนและเผลอด่าว่าเพื่อนแรงๆไปแต่พอเราหาย เราหายโกรธเพื่อน เราก็จะลืมสิ่งที่ตัวเองพูดไปทันที แต่เราลืมคิดไปว่าเพื่อนที่โดนเราด่า ไม่ได้ลืมด้วย โปรดอย่าพูดขณะที่กำลังโกรธ จงรอให้ตัวเองใจเย็นก่อนจึงค่อยพูด
ทุกวินาทีที่หายใจอยู่คือโอกาสของชีวิต อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ และอย่าแคร์สายตาใคร หายใจด้วยจมูกของเราเอง ยืนด้วยลำแข้งของเราเอง
-เรณู (เบลล่า ราณี)
การที่เรายังหายใจอยู่นับว่าโชคดีมากแล้ว และทำไมเราต้องแคร์คนอื่นด้วย ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตยังไง นั้นคือสิทธิของเรา หรือเราจะทำตัวยังไงคนอื่นก็ไม่ได้เดือดร้อนด้วย แค่ใช้ชีวิตอยู่ในส่วนของตัวเอง อย่าทำให้ใครเดือดร้อนนั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็สามารถที่จะหาเงินได้ด้วยตัวเอง แต่อยู่ที่ว่าเราจะทำงานอะไร ดังคำกล่าวที่ว่า”ทุกวินาทีที่หายใจอยู่คือโอกาสของชีวิตอย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ และอย่าแคร์สายตาใคร หายใจด้วยจมูกของเราเอง ยืนด้วยลำแข้งของเราเอง”อย่างเช่น เราทำงานส่งอาจาร์ยแต่กลับโดนอาจาร์ยตำหนิแล้วให้นำกลับไปแก้ใหม่ นั้นมันก็อยู่ที่เราว่าจะเลือกนำกลับไปแก้หรือจะปล่อยไว้อย่างนั้น หรือเรียกง่ายๆว่ายอมแพ้ แต่ถ้าเราไม่ลองแก้งานอีกครั้ง เราก็อาจจะเรียนไม่จบหรือได้เกรดไม่ดี คนอื่นก็ไม่ได้มาเดือดร้อนกับเรา เพราะทุกอย่างมันมีผลกับแค่ตัวเรา โปรดจำไว้ถ้ายังหายใจอยู่เราก็ยังไม่แพ้ เรามีโอกาสเราก็มีโอกาสเริ่มใหม่เสมอ ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ
จงอย่าอิจฉาคนอื่น และจงอย่าใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นเคารพรักและนับถือ
– อาซา (เจมส์ จิรายุ)
ทุกวันนี้เรามักจะไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี และตามหาในสิ่งที่ตนขาดอยู่เสมอ จะดีกว่าไหม ถ้าเราหันกลับมาพอใจนี้สิ่งที่ตนมี หรือตามหาในสิ่งที่คิดว่าขาดเสีย เพราะเราทุกคนไม่ได้เกิดมามีพร้อมสมบูร์ณแบบ ดังคำกล่าวที่ว่า”จงอย่าอิจฉาคนอื่นและจงอย่าใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉาแต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นเคารพรักและนับถือ”อย่างเช่น เรามีบ้าน มีรถ ถึงจะไม่ได้เยอะเหมือนคนอื่นแค่ไม่ได้มีหนี้นั้นก็น่าจะพอแล้ว อย่าได้อิจฉาคนอื่นเลย ใครจะรู้ว่าที่เขามีมาก เขาอาจจะกำลังเป็นหนี้ และหาเงินใช้หนี้จงไม่มีเวลาพักก็ได้ โปรดจำไว้จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอย่าตามหาในสิ่งที่คิดว่าขาดอีกเลย
