3 คำคม จาก 3 คนดังระดับโลก ที่จะมาย้ำให้คุณรักษาความเป็นตัวตนของคุณ

แรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

“ถ้าคุณโชคดีพอที่ได้เกิดมาแตกต่าง จงอย่าเปลี่ยนแปลงมัน”

– เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Alison Swift)

ข้อความข้างต้นเป็นประโยคที่หลุดออกมาจากปากของบุคคลในวงการบันเทิงคนหนึ่งที่โด่งดังไปในระดับโลก แสดงให้เห็นได้ว่าเธอเปิดใจและยอมรับในความแตกต่างของสังคม เธอหยิบยกคำว่า “โชคดี” ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกให้เห็นถึงการให้กำลังใจและพลังทางบวกกับบุคคลที่อาจถูกมองว่าเป็นคนกลุ่มน้อยที่อยู่ฐานะต่างจากผู้คนหมู่มากในสังคมโลก

การที่เกิดมาพร้อมกับความต่างนั้นถือเป็นความพิเศษสำหรับตัวบุคคลเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเจาะจง คนบางคนอาจเกิดมามีหน้าตาที่ไม่ได้เพรียบพร้อมสวยหล่อเหมือนกับใครหลาย ๆ คนบนโลกแต่ความงดงามบนใบหน้าก็ไม่ได้ถูกนำมาเป็นมาตราฐานตีค่าหรือดัชนีวัดราคาคุณค่าความเป็นคนแต่อย่างใด บางคนอาจเกิดมาด้วยความไม่พร้อมของการเจริญเติบโตตามธรรมชาติปกติของมนุษย์ ทำให้เขากลายเป็นคนพิการที่ทุกสายตาจ้องมองด้วยความเมตตาสงสารและเวทนา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าศักยภาพของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพทางร่างการเพียงเท่านั้น คุณสามารถที่จะพัฒนาตัวคุณเองให้ก้าวผ่านขีดความสังเวทของบุคคลอื่นได้ด้วยการที่คุณสามารถกระทำสิ่งต่าง ๆได้ด้วยตัวของคุณเอง สามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพอย่างสุจริต สามารถพึ่งพาตนเองได้โดยไม่เป็นภาระของสังคมและบุคคลรอบข้าง แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงสิ่งที่คุณมีอยู่ในตัวแต่พวกเขาไม่มี บวกกับความพยายามของคุณ เท่านี้ทุกสายตาที่จับจ้องด้วยความเวทนาก็จะเปลี่ยนกลายเป็นสายตาที่ตกตะลึงมองคุณด้วยความคาดไม่ถึงอีกทั้งยังพร้อมที่จะเปิดใจให้คุณได้เข้ามาร่วมอยู่อาศัยภายในสังคมเดียวกันอีกด้วย

หากคุณเป็นบุคคลหนึ่งที่มีสถานะของคนกลุ่มนี้จงอย่าได้น้อยใจไปเลย เพราะความต่างที่คุณได้ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่ในขณะนี้นั้นไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับชีวิตใดชีวิตหนึ่ง เพียงแต่คุณอาจถูกเลือกมาเพื่อมอบสิ่งพิเศษให้ พนันกันได้เลยว่าสิ่งสำคัญที่คุณมีอยู่ในตัวและอาจมีมากกว่าบุคคลอื่น คือ ความพยายามและความอดทน หากคุณสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้พร้อมกับความต่างนี้ จงภูมิใจเถิดว่าคุณ คือ บุคคลที่มีคุณภาพและมีคุณค่าเทียบเท่าสมาชิกร่วมโลกของคุณทุกคน นอกจากนี้แล้วความพิเศษที่คุณได้รับยังทำให้คุณเป็นคนที่เข้าใจคน เคารพ และให้ความสำคัญต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตัวเองและผู้อื่นอย่างมากอีกด้วย

ดังนั้นแล้วจงอย่างมองความต่างเป็นเรื่องเลวร้ายที่คนทุกคนไม่ต้องการพบเจอ แต่จงมองมันด้วยความภาคภูมิ และยอมรับต่อสิ่งที่มีอย่างจริงใจ มองมันให้เป็นส่วนดีส่วนหนึ่งของชีวิตอย่าได้เอามันมาเป็นเรื่องทุกข์ที่ส่งผลกระทบแต่อย่างใดเลย

 

“ผมไม่ได้ล้มเหลว ผมเพียงพบกับ 10,000 วิธี ที่ใช้ไม่ได้”

– ทอมัส แอลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)

ความล้มเหลวของใครหลาย ๆ คน อาจถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดสำหรับชีวิตของตัวบุคคล แต่มันคงไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวมาเสียเสมอไป สำหรับใครบางคนความล้มเหลวที่พบเจอ คือ วิธีการหนึ่งในกระบวนการสู่ความสำเร็จในชีวิตของตนเอง เห็นได้จากคำกล่าวของ ทอมัส แอลวา เอดิสัน

ทอมัส แอลวา เอดิสัน นักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จในการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่มอบความสว่างให้กับโลกจนถึงปัจจุบัน เขาคือหนึ่งในสมาชิกของทีมที่ร่วมทำการทดลองประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า การทดลองมีทั้งผิดและถูก กว่าที่หลอดไฟดวงแรกจะกำเนิดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์บนโลกการทดลองถูกเปลี่ยนแปลงไปหลากหลายวิธี สำหรับวิธีการที่ผิดพลาดเอดิสันไม่ได้มองว่ามันเป็นความล้มเหลว แต่กลับมองให้มันกลายเป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ไม่ได้ ชุดความคิดเช่นนี้จะสามารถทำให้บุคคลก้าวเดินต่อไปได้อย่างไม่ย่อท้อเพื่อไขว่คว้าวิธีการแห่งความสำเร็จให้ได้มาซึ่งครอบครอง

การเดินทางเข้าสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จบางครั้งมันอาจไม่ได้มีทางเดินเพียงทางเดียว คนเรามีความต่าง ดังนั้นแล้วก็ไม่แปลกที่ต่างคนจะเลือกเดินบนเส้นทางที่ต่างกัน ถึงแม้จะมีจุดหมายปลายทางที่เดียวกันก็ตาม ทั้งนี้ทางเดินทุกทางย่อมต้องมีอุปสรรคขวางกั้นการหาวิธีเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคเป็นเรื่องท้าทาย ในบางครั้งเราอาจต้องพบเจอกับความผิดพลาดแต่หากเรามองความผิดพลาดนั้นให้เป็นความล้มเหลวเราอาจไม่อยากที่จะไปต่อเพราะรู้สึกหมดกำลังใจ หมดแรงจูงใจที่เคยมีในตอนแรก กลับกันหากเรามองความผิดพลาดให้เป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งที่มันไม่สามารถนำเราให้ไปถึงเส้นชัยได้ และเรียนรู้ที่จะเก็บมันไว้เป็นบทเรียนเพื่อตระหนักไม่ให้ตัวเองวนกลับไปกระทำสิ่งนั้นซ้ำสอง เราก็จะยังคงมีแรงผักดันและความตั้งใจที่มีอยู่ในตอนแรก ดังนั้นแล้วหลักการมองความล้มเหลวให้เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้ไม่ได้จะสามารถทำให้เรายังคงมีกำลังเพื่อใช้เป็นแรงผลักในการสู้ต่อไปสู่ชัยชนะที่ตั้งเป้าไว้แต่แรกได้นั่นเอง

 

 “อย่างปล่อยให้เสียงนกเสียงกามาบั่นทอนความเชื่อมั่น จากเสียงภายในจิตใจของคุณเอง”

– สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs)

สตีฟ จ็อปส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทโด่งดัง อย่าง Apple ได้กล่าวถึงวิธีการหนึ่งที่จะสามารถนำพาตัวบุคคลให้สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ด้วยการยึดถือความเชื่อมั่นภายในจิตใจของตัวเอง

ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่มีอยู่ภายในจิตใจของตัวบุคคลแล้วมันจะแปลกหรือไม่หากความเชื่อมั่นของเราจะไม่เหมือนกับความเชื่อมั่นของคนอื่นในสังคม คุณอาจได้รับข้อติติงหรือการแสดงความคิดเห็นจากผู้อื่นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังเชื่อมั่นอยู่ มันไม่แปลกหรอกสำหรับสังคมมนุษย์ ต่างคนต่างมีความต้องการ ความรู้สึกที่เป็นตัวของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่เฉพาะตัวบุคคล

สิ่งที่คุณได้รับฟังมาจากส่วนต่าง ๆ ของสังคมนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่มันเป็นเพียงความคิดเห็นจากมุมที่ต่างออกไปซึ่งคุณอาจจะรับฟังมันเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหายแต่คุณต้องพยายามอย่าให้มันเข้ามามีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นภายในจิตใจของคุณเป็นอันขาด เพราะตราบใดที่ความเชื่อมั่นในตัวคุณไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลร้ายใด ๆ ต่อสังคมหรือต่อตัวของคุณเองแล้วนั้น คุณก็ย่อมมีสิทธิอย่างชอบธรรมที่จะเชื่อและปฏิบัติอย่างที่คุณต้องการต่อไป ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นมันอาจจะเป็นสิ่งที่สวนกระแสโลกก็ตาม

ทุกคนไม่สามารถรับรู้ถึงผลลัพธ์ที่แท้จริงของความเชื่อมั่นของคุณได้หากคุณไม่ลองลงมือกระทำมันก่อน บางทีความเชื่อมั่นในครั้งนี้อาจเป็นหนทางนำพาคุณและมวลมนุษย์เข้าสู้บทเรียนบทใหม่ และบทเรียนบทนี้อาจเป็นประโยชน์ได้มากถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโลกเลยก็ว่าได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดเล่าคุณจะต้องนำเสียงนกเสียงกามาเป็นตัวประกอบในการกำหนดความเชื่อมั่นภายในจิตใจของตัวคุณเอง