5 คำคมของ 5 ดาราดัง

แรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

ถ้าคุณโชคดีพอที่ได้เกิดมาแตกต่างอย่าได้เปลี่ยนแปลงมัน

-เกย์เลอร์ สวิฟต์

คนเราเกิดมาย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางคนเกิดมาหน้าตาสวย บางคนเกิดมาหน้าตาขี้เหร่ บางคนเกิดมารวย บางคนเกิดมาจน คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ไม่มีใครหรอก ที่จะเกิดมาสมบูรณ์แบบ ย่อมมีสิ่งที่ด้อยด้วยกันทั้งนั้น จงพอใจในสิ่งที่ตนมีเถอะ ดังคำกล่าวที่ว่า”ถ้าคุณโชคดีพอที่ได้เกิดมาแตกต่างอย่าได้เปลี่ยนแปลงมัน”(เกย์เลอร์ สวิฟต์) อย่างเช่น เด็กหญิงคนหนึงเรียนเก่งมาแต่เรื่องกีฬาเธอกลับเล่นไม่ได้เรื่อง หรือเรียกง่ายๆ ว่าด้อยพละเลยก็ว่าได้ แต่เด็กชายอีกคนหนึงกลับเล่นกีฬาเก่งมากๆ แต่กับเรียนไม่รู้เรื่อง โปรดจำไว้ไม่มีใครดีพร้อมทุกอย่าง คนทุกคนมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวทั้งนั้น

ถ้าคุณรักชื่อเสียงแต่คุณไม่รักคนที่รักคุณ คุณก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้

-เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์

เราทุกคนย่อมมีคนที่รักด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนหรือแฟน แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งคุณมีชื่อเสียงคุณจะทิ้งคนที่รักคุณและอยู่ข้างคุณมาตลอดหรือไม่ และถ้าคุณทิ้งคนที่รักคุณ ทิ้งคนที่อยู่ข้างคุณมาตลอด คุณคิดว่าคุณจะยังเจริญอยู่ไหม ดังคำกล่าวที่ว่า ”ถ้าคุณรักชื่อเสียงแต่คุณไม่รักคนที่รักคุณ คุณก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้” (เบิร์ด ธงไชย) อย่างเช่น มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมากอยู่ข้างกันมาตลอด แต่ฝ่ายชายฝันอยากเป็นนักร้อง แล้วมาวันหนึ่งเขาเกิดประสบความสำเร็จ โด่งดังมีชื่อเสียง จนลืมตัวทิ้งคนที่อยู่กับคุณมาตลอด แต่เมื่อสื่อทราบว่าคุณทิ้งคนรักเพราะชื่อเสียง คุณก็โดนโจมตีอย่างหนัก ทำอะไรก็ไม่เจริญ และถ้ากลับกันคุณไม่ทิ้งคนที่อยู่ข้างคุณ เธออาจจะคอยซัพพอร์ตคุณก็ได้ โปรดจำไว้เมื่อคุณได้ดีจงอย่าทิ้งคนที่ลำบากมาด้วยกัน

เงินพันล้าน ถ้ามองว่าน้อยเราจะคิดว่าตัวเองยังจน แต่ถ้ารู้สึกว่ามากเราจะพอ

-เจษฎาภรณ์ ผลดี

ปัจจุบันนี้คนเราไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่ตนมีนัก แต่กลับกัน เขากลับไขว่คว้าหาสิ่งอื่น โดยที่ไม่รู้ว่ามีสิ่งที่ดีอยู่แล้ว และนั้นก็อาจจะมากพอแล้วก็ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า ”เงินพันล้านถ้ามองว่าน้อยเราจะคิดว่าตัวเองยังจนแต่ถ้ารู้สึกว่ามากเราจะพอ” (เจษฎาภรณ์ ผลดี) อย่างเช่น เรามีเพชรอยู่ในมือแต่กลับมองไม่เห็นคุณค่า และคิดว่ามันยังไม่มากพอ คุณเลยมองหาสิ่งที่ดีกว่า เมื่อไม่เจอคุณเองนั้นแหละที่จะทุกข์ใจ กลับกันถ้าคุณพอใจในสิ่งที่ตนมี คุณอาจจะมีความสุขที่ไม่ต้องตามหาสิ่งอื่น เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะสามารถเจอมันไหม โปรดจำไว้ไม่ว่าอะไรที่คุณมีจงพอใจในสิ่งที่มีและคุณจะมีความสุขเอง

บางคนเราก็ยึดติดกับโลกโซเชียลมากเกินไปจนลืมไปว่าโลกแห่งความจริงนั้นสำคัญกว่า

-เอิร์ท วิศววิท วงษ์วรรณลภย์

ในยุคนี้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงโซเชียลได้ เพียงแค่มีมือถือ ปัจจุบันการพูดคุย พบปะกันนั้นกลายเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่มีเฟสบุ๊ค ไลน์ ไอจี และอื่นๆ แต่คุณกลับลืมคนเป็นที่อยู่ข้างคุณ ดังคำกล่าวที่ว่า ”บางคนเราก็ยึดติดกับโลกโซเชียลมากเกินไปจนลืมไปว่าโลกแห่งความจริงนั้นสำคัญกว่า” (เอิร์ท วิศววิท วงษ์วรรณลภย์) อย่างเช่น มีคู่รักคู่หนึ่ง แต่ผู้หญิงติดมือถือ ติดโซเชียลมาก และมาวันหนึ่งฝ่ายผู้หญิงได้ไปพบ และพูดคุยกับผู้ชายในโลกออนไลน์ เพราะโปรไฟล์ของฝ่ายชายในโลกออนไลน์นั้นหน้าตาดี ดูดีมากๆ ทำให้คุยกันมาเรื่อยๆ โดยไม่สนใจชายผู้เป็นแฟน พอคุยกันสักพัก ฝ่ายชายผู้เป็นแฟนของฝ่ายหญิงเกิดจับได้และขอเลิก แต่ฝ่ายหญิงกลับไม่สนใจ และยังคุยกับชายในโลกออนไลน์ต่อและได้นัดเจอกันพอผู้หญิงไปถึง ชายในโลกออนไลน์กับไม่เหมือนโปรไฟล์ที่โชว์ให้เห็น ทำให้ฝ่ายหญิงรับไม่ได้และกลับไปขอคืนดีกับชายผู้เป็นแฟน แต่เขากับมีแฟนใหม่ไปแล้ว เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าโปรดสนใจคนที่เห็นหน้ากัน และอยู่ข้างกันมาตลอด จะดีกว่าคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

เมื่อโตขึ้นเราจะพบกับสิ่งที่ใหญ่เกินตัวเราขึ้นเรื่อยๆ และถ้าทางเลือกของเรามีแค่การยอมแพ้ นั้นแปลว่าเรายังเติบโตไม่มากพอ

-โย่ง อาร์มแชร์

การที่เราจะโตขึ้นได้นั้น ย่อมมีบททดสอบเป็นธรรมดา ถ้าเราสามารถผ่านบททดสอบนั้นไปได้เราก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเรากลัวและไม่กล้าทำ ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เราจะไม่มีวันเติบโตได้เลย ดังคำกล่าวที่ว่า ”เมื่อโตขึ้นเราจะพบกับสิ่งที่ใหญ่เกินตัวเราขึ้นเรื่อยๆและถ้าทางเลือกของเรามีแค่การยอมแพ้ นั้นแปลว่าเรายังเติบโตไม่มากพอ” (โย่ง อาร์มแชร์) อย่างเช่น คุณเรียนจบมหาลัยแล้วแต่ในขณะที่เรียนคุณไม่ได้สนใจเรียนมากนัก งานที่ทำส่งอาจาร์ยก็ทำแบบขอไปที คุณหวังแค่เรียนให้จบอย่างเดียว พอไปทำงาน คุณก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้โดนเจ้านายดุ แต่ถ้ากลับกัน ตอนเรียนนั้นคุณเป็นคนตั้งใจเรียนมากๆ ตั้งใจทำงานส่งอาจาร์ยเวลาคุณจบมาทำงาน คุณก็จะเป็นคนทำงานที่มีประสิทธิภาพ ไม่โดนเจ้านายดุอย่างที่เป็น เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า การที่เราจะเติบโตขึ้นได้ เราต้องผ่านบททดสอบนั้นมาก่อน