การเรียกสินสอดที่เป็นประเพณีอันยาวนานของอินเดียกลับกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่นำไปสู่การฆาตกรรมสะเทือนขวัญในรัฐฮาเรียนา เมื่อนางทันนู ราชปุต หญิงสาววัย 25 ปี ถูกครอบครัวสามีฆ่าและฝังศพลับหลังบ้านนาน 2 เดือน ก่อนที่ความจริงจะเปิดออกมาด้วยความสงสัยของบิดาผู้เศร้าโศก
ชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความทรมานของทันนู
เมื่อสองปีก่อน ทันนู ราชปุต หญิงสาววัย 25 ปี ได้แต่งงานกับนายอรุณ ซิงห์ อายุ 28 ปี โดยมีบ้านเกิดอยู่ที่หมู่บ้านเขรา ในเขตฟิโรซาบาด รัฐอุตตรประเทศ ขณะที่บ้านสามีอยู่ในย่าน โรชัน นาคาร์ ฟาริดาบาด รัฐฮาเรียนา
หลังจากพิธีแต่งงานเสร็จสิ้น ทันนูได้ย้ายไปอยู่บ้านของอรุณตามประเพณี เพื่อช่วยงานบ้านและดูแลพ่อแม่สามี ครอบครัวของอรุณประกอบด้วย 4 คน คือ อรุณเอง, บิดาชื่อ ภูป ซิงห์ อายุ 50 ปี, มารดาชื่อ โซเนีย และน้องสาวชื่อ กาชัล
แต่ชีวิตแต่งงานของทันนูกลับเป็นนรกบนดิน เนื่องจากครอบครัวของอรุณรังควานเธอเพื่อขอสินสอดเพิ่มอยู่เรื่อยๆ ความรุนแรงของการคุกคามทำให้ทันนูทนไม่ไหว จนต้องกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่นานเกือบปี ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมากสำหรับผู้หญิงในสังคมอินเดีย ต่อมาภายหลังเกิดการไกล่เกลี่ยจากคณะกรรมการท้องถิ่น ทันนูจึงได้กลับไปอยู่บ้านสามีอีกครั้ง
วัฒนธรรมสินสอดที่กลายเป็นภัยคุกคามผู้หญิง
ปัญหาเรื่องสินสอดในอินเดียไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ได้จำกัดเฉพาะคดีของทันนูเท่านั้น ในวัฒนธรรมอินเดีย การแต่งงานส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เป็นการจัดการโดยครอบครัว และฝ่ายหญิงต้องจ่ายสินสอดตามที่ฝ่ายชายเรียกร้อง หากจ่ายน้อยหรือไม่เป็นที่พอใจ หลังแต่งงานอาจโดนครอบครัวสามี “เอาคืน” ได้
แม้ในปี 1961 อินเดียจะประกาศให้การเรียกสินสอดผิดกฎหมายตาม Dowry Prohibition Act แต่ในทางปฏิบัติยังคงทำกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท การขุดคุ้ยสินสอดเพิ่มหลังแต่งงานมีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Dowry Harassment”
ผู้หญิงอินเดียจำนวนมากถูกครอบครัวสามีข่มขู่เพื่อเรียกสินสอดเพิ่ม หากหาให้ไม่ได้ก็มักถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น การด่าทอ การกักขัง การทุบตี หรือแม้กระทั่งการฆาตกรรม
จากข้อมูลของ National Crime Records Bureau (NCRB) ในปี 2022 มีการรายงานคดีการตายจากสินสอดถึง 6,450 ราย โดย รัฐอุตตรประเทศมีจำนวนสูงสุดถึง 2,218 ราย นอกจากนี้ ยังมีการรายงานคดีตาม Dowry Prohibition Act อีก 13,479 คดี
สถิติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่แท้จริง การตายจากสินสอดคิดเป็น 40-50% ของการฆ่าผู้หญิงทั้งหมดที่บันทึกไว้ในอินเดียแต่ละปี และ มีการประมาณการว่ามีการตายจากสินสอดจริงๆ ประมาณ 15,000 รายต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการไฟไหม้ในครัวที่จัดฉากให้ดูเหมือนอุบัติเหตุ
อินเดียมีอัตราการหย่าร้างต่ำมาก (ประมาณ 1%) เนื่องจากค่านิยมและวัฒนธรรมทำให้การหย่าร้างเป็นเรื่องยาก ผู้หญิงที่หย่ามักถูกสังคมตีตราว่าน่าอับอาย ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเลือกทนอยู่ในชีวิตสมรสที่ทุกข์ทรมาน บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตายเพราะถูกกดดันเรื่องสินสอด
บ่อซึมลึกลับและแผนการฆาตกรรม
ปลายเดือนมีนาคม 2025 เมื่อทันนูกลับมาอยู่บ้านของอรุณครั้งนี้ เธอก็ยังคงถูกครอบครัวของเขากดดันอย่างหนักให้จ่ายสินสอดเพิ่ม แต่ทันนูไม่รู้จะไปหาเงินจากที่ไหนมาให้
ในช่วงนั้น พ่อของอรุณ ภูป ซิงห์ ได้เรียกรถแบคโฮมาขุดบ่อที่หน้าบ้าน เป็นบ่อสี่เหลี่ยมผืนผ้าลึกราว 8-10 ฟุต เมื่อมีคนถาม ภูป จะบอกว่าเป็น “บ่อซึม” สำหรับป้องกันน้ำท่วมขัง
การขุดบ่อซึมเพื่อจัดการน้ำเสียเป็นเรื่องปกติในพื้นที่ชนบทของอินเดีย เนื่องจากขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการระบายน้ำ ทำให้ไม่มีใครสงสัยอะไร เพื่อนบ้านเข้าใจว่าเป็นการขุดบ่อระบายน้ำปกติ แต่ความจริงแล้วนี่คือการเตรียมการฆาตกรรมที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบ
สองวันต่อมา ภูป ก็เอาทรายมาโรยปิดก้นหลุม แล้วเรียกช่างมาก่ออิฐและเทปูนปิดปากบ่อตามขั้นตอนปกติ ทำให้ดูเหมือนเป็นบ่อซึมจริงๆ
คืนสุดสยองของการฆาตกรรม
วันที่ 21 เมษายน 2025 ตามคำรับสารภาพของ ภูป ซิงห์ เขาได้ลงมือฆ่าทันนูในคืนนั้น โดยฉวยโอกาสตอนที่อรุณทำงานกะกลางคืน และแม่ไปงานแต่งงาน
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ต่างคนก็แยกย้ายเข้าห้อง แต่ ตามรายงานข่าว พ่อของอรุณได้ใส่ยานอนหลับลงในอาหารของทันนูและน้องสาว กาชัล จากนั้น ภูป ซิงห์ แอบเข้าไปที่ห้องของทันนู และได้ทำการข่มขืนทันนูที่อยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ก่อนจะเอาผ้าคลุมศีรษะรัดคอเธอจนตาย
จากนั้นเขาทิ้งศพลงในบ่อซึม เอาทรายกลบไม่ให้เห็นศพ แล้วเช้าวันต่อมาก็เรียกช่างมาปิดบ่อ เพื่อให้ดูเหมือนการก่อสร้างบ่อซึมตามปกติ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครสงสัย
การแจ้งความหายและการโกหกหลอกลวง
วันที่ 25 เมษายน 2025 อรุณไปแจ้งความที่สถานีตำรวจปัลลา โดยอ้างว่าทันนูมีปัญหาทางสติปัญญา และหลงทางหายไป การอ้างเหตุผลแบบนี้เป็นกลยุทธ์ที่คิดไว้ล่วงหน้า เพื่อทำให้ตำรวจไม่สงสัยและไม่ค้นหาอย่างจริงจัง
แต่บิดาของทันนู นายฮาคิม ไม่เชื่อเรื่องราวที่อรุณเล่าให้ฟัง เขารีบเดินทางไปยังบ้านของอรุณเพื่อช่วยตามหาลูกสาว เมื่อมาถึงบ้านของสามี บิดาของทันนูสังเกตเห็นบ่อซึมหน้าบ้านที่เพิ่งถูกปิดด้วยปูน จึงเกิดความสงสัย
ฮาคิมไปแจ้งตำรวจให้ตรวจสอบบ่อนั้น แต่ตำรวจกลับเพิกเฉย เพราะเชื่อในคำพูดของอรุณว่าทันนูมีปัญหาทางสติปัญญาและหลงทาง สองเดือนผ่านไป พ่อของทันนูไม่เลิกร้องเรียนให้ตำรวจขุดบ่อนั้นดู
การเปิดเผยความจริงหลังจาก 60 วัน
วันที่ 20 มิถุนายน 2025 ตำรวจจึงตัดสินใจดำเนินการตามคำร้องของบิดาทันนู โดยควบคุมตัว ภูป ซิงห์ มาสอบสวน หลังจากการซักถามอย่างเข้มงวดหลายชั่วโมง เขาก็ยอมรับสารภาพว่าได้ฆ่าทันนูและฝังศพในบ่อ
ตำรวจเรียกรถแบคโฮมาขุดบ่อซึม และพบร่างของทันนูนอนอยู่ก้นหลุมลึกประมาณ 8-10 ฟุต มีดินทรายกลบทับ สภาพศพเน่าเปื่อยแล้ว ศพถูกระบุตัวตนโดยญาติผ่านเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันสุดท้าย และทำการชันสูตรศพที่โรงพยาบาล Badshah Khan Civil Hospital
การฆาตกรรมครั้งนี้เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบ พวกเขาหลีกเลี่ยงการจ้างแรงงานภายนอกในการฝังศพ เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล และ การที่มีงานแต่งในซอยในวันที่ 22 เมษายน ทำให้การขุดดินในวันถัดมาดูเป็นเรื่องปกติ
การจับกุมและข้อหา
แม้ ภูป ซิงห์ จะยืนยันว่าลงมือคนเดียว และคนอื่นในครอบครัวไม่รู้เห็นด้วย แต่ตำรวจไม่เชื่อ จึงจับกุมสมาชิกครอบครัวทั้ง 4 คน ได้แก่ ภูป ซิงห์ (พ่อ), โซเนีย (แม่), อรุณ ซิงห์ (สามี), และ กาชัล (น้องสาว)
ปัจจุบัน ภูป ซิงห์ และอรุณ ซิงห์ ถูกควบคุมตัวไว้ ขณะที่โซเนียและกาชัลยังหลบหนีอยู่ คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อฟ้องศาลต่อไป
มิติทางสังคมและปัญหาระบบยุติธรรม
คดีของทันนู ราชปุต สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลึกซึ้งของสังคมอินเดีย ไม่เพียงแต่เรื่องวัฒนธรรมสินสอดที่ยังคงมีอิทธิพลแรงกล้า แต่ยังรวมถึงปัญหาของระบบยุติธรรมที่ไม่ได้รับการบังคับใช้อย่างจริงจัง
แม้กฎหมายต่อต้านสินสอดจะมีผลบังคับใช้มาหลายทศวรรษ แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีประสิทธิภาพ การปฏิบัติการตายและการฆาตกรรมจากสินสอดยังคงเกิดขึ้นโดยไม่ถูกตรวจสอบในหลายพื้นที่ของอินเดีย
จากรายงานของ India Justice Report เผยว่ามีตำรวจหญิงเพียง 10.5% เท่านั้น สิ่งนี้ส่งผลต่อการรับมือกับอาชญากรรมต่อผู้หญิง เนื่องจาก คดีจะถูกจดทะเบียนโดยระบบการบังคับใช้กฎหมายที่ชายเป็นส่วนใหญ่ คดีจะถูกต่อสู้และพิจารณาโดยระบบศาลที่ชายเป็นส่วนใหญ่
สถิติแสดงให้เห็นว่า จากคดีการตายจากสินสอด 6,450 คดี ในปี 2022 มีเพียง 359 คดีที่ถูกปิดเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ แม้ว่าข้อร้องเรียนจะเป็นความจริง นอกจากนี้ มีเพียง 4,148 คดีที่ถูกฟ้องร้องในปีนั้น
ปัญหาที่เหนือกว่าตัวเลข
ปัญหาการตายจากสินสอดไม่ได้จำกัดเฉพาะจำนวนการตายเท่านั้น ขนาดของการเจ็บป่วยในแง่ของการเสื่อมสภาพทางกายภาพและจิตใจเนื่องจากความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับสินสอดนั้นมีมากมายมหาศาล
ความขัดแย้งในระดับครอบครัวและความรุนแรงที่เกี่ยวข้องมีบทบาทสำคัญในการกำหนดสภาวะทางสังคมและสุขภาพมากมายของผู้หญิงและเด็ก รวมถึงปัญหาการดูแลสุขภาพก่อนคลอด การฉีดวัคซีนเด็ก การทำแท้งเด็กหญิง อัตราการตายของทารก การตายของมารดา และการขาดสารอาหารของผู้หญิงและเด็กหญิง
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือผู้หญิงไม่ทราบสิทธิของตนเอง หากดูรายละเอียดของคดี ในกรณีส่วนใหญ่ กฎหมายพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องผู้หญิงในคดีการคุกคามสินสอดสามารถช่วยเหลือผู้หญิงได้ในที่สุด
ความพยายามแก้ไขและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
นักกิจกรรมเพื่อสิทธิสตรีชาวอินเดียได้รณรงค์มากกว่า 40 ปีเพื่อกฎหมายควบคุมการตายจากสินสอด เช่น Dowry Prohibition Act 1961 และ Section 498a ของ Indian Penal Code ที่เข้มงวดกว่า (ออกมาในปี 1983)
ภายใต้ Protection of Women from Domestic Violence Act 2005 (PWDVA) ผู้หญิงสามารถหยุดการคุกคามสินสอดได้โดยติดต่อเจ้าหน้าที่ป้องกันความรุนแรงในครัวเรือน
แต่ปัญหาคือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด กฎหมายหลายฉบับของเราที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามสินสอดและความรุนแรงในครอบครัวต้องการการแก้ไข กฎหมายเหล่านี้ล้าสมัยและเขียนด้วยความคิดที่เป็นสังคมชายเป็นใหญ่
ข้อมูลล่าสุดจากรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการตายอันดับสองของเยาวชนอินเดีย โดยเกือบครึ่งหนึ่งของกรณีเชื่อมโยงกับปัญหาความสัมพันธ์ การมีชู้ และสินสอด
บทสรุป: สะท้อนสังคมที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
คดีของทันนู ราชปุต เป็นมากกว่าเพียงการฆาตกรรมคดีหนึ่ง มันเป็นการเปิดเผยปัญหาที่ฝังลึกในสังคมอินเดีย ที่ซึ่งประเพณีเก่าแก่กลายเป็นอาวุธที่ใช้ปราบปรามผู้หญิง
การที่ครอบครัวสามารถฆ่าลูกสะใภ้และฝังศพไว้หน้าบ้านนานถึง 2 เดือนโดยไม่มีใครสงสัย แสดงให้เห็นถึงความเป็นปกติของความรุนแรงต่อผู้หญิงในบางพื้นที่ของอินเดีย
แม้ว่าจะมีกฎหมายป้องกัน แต่การขาดการบังคับใช้ที่เข้มงวด ความไม่เท่าเทียมในระบบยุติธรรม และการยึดติดกับประเพณีเก่า ยังคงทำให้ผู้หญิงหลายพันคนต้องเสียชีวิตจากปัญหาสินสอดในแต่ละปี
คดีนี้เป็นการเตือนใจให้สังคมอินเดียและโลกได้ตระหนักว่า การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงความคิด การศึกษา และการสร้างสังคมที่ผู้หญิงได้รับการปกป้องและเคารพอย่างแท้จริง
ทันนู ราชปุต อาจจากไปแล้ว แต่เรื่องราวของเธอยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและการเรียกร้องความยุติธรรมที่แท้จริงในสังคมอินเดีย
บทความนี้รวบรวมจากแหล่งข่าวหลายแห่งและข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการ เพื่อนำเสนอภาพรวมที่ครบถ้วนของปัญหาการตายจากสินสอดในอินเดีย ที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน