7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหุ้น “เบทาโกร (BTG )” บิ๊ก บจ.ในกลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารครบวงจร เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ (SET) 2 พ.ย.นี้
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดทุนไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BTG” ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 นี้
“ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล “ได้สรุปข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนการขายหุ้นไอพีโอ เบทาโกร (BTG) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้กับนักลงทุน “7 เรื่องน่ารู้” มีดังนี้
1. เบทาโกร (BTG) ประกอบธุรกิจเกษตรและอาหารครบวงจร
เบทาโกร ประกอบธุรกิจเกษตรและอาหารครบวงจร ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน รวมไปถึงอาหารสัตว์เลี้ยง จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
กลุ่มธุรกิจหลัก เบทาโกร (BTG)
กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน คิดเป็นสัดส่วน 68%รายได้
กลุ่มธุรกิจเกษตร สัดส่วน 25%
กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ 5%
กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง 2%
ปัจจุบันเบทาโกร (BTG) มีแบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ อาหารแปรรูป และไส้กรอก ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เช่น S-Pure, Betagro, ITOHAM และแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง เช่น Perfecta, DOG n Joy และ CAT n Joy เป็นต้น ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของเบทาโกร และเครือข่ายพันธมิตรกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ
2. ธุรกิจเบทาโกร (BTG) 3 ปี เติบโตเฉลี่ย 7.3%
เบทาโกร มีการเติบโตของรายได้ ช่วง 3 ปี ( 62-64 ) โตเฉลี่ย 7.3% โดย 6 เดือนแรกของปี 65 “เบทาโกร”มีรายได้รวม 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% จากช่วงเดียวกันของปี 64 และสามารถสร้างกำไรสุทธิถึง 3,892.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.2% โดยกำไรสุทธิเติบโตถึง 233.% จากช่วงเดียวกันของปี 64
“เบทาโกร (BTG)” เข้าเทรดวันแรก 2 พ.ย.65 กับ 7 เรื่องน่ารู้ของนักลงทุน
3 เบทาโกร (BTG) ขายไอพีโอ 500 ล้านหุ้น สัดส่วน 25%
“เบทาโกร ( BTG )” มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว หลังเสนอขายหุ้น 9,674 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยขายหุ้นไอพีโอไม่เกิน 500 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังไอพีโอ (รวมจำนวนหุ้นที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน ) ประกอบด้วย
หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 434,800,000 หุ้น
จัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option) จำนวนไม่เกิน 65,200,000 หุ้น
คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 17,392 ล้านบาท ( 434.80 ล้านหุ้น* 40 บาท : ไม่รวมหุ้นส่วนเกิน)
4. เบทาโกร (BTG) เคาะราคาไอพีโอ BTG ที่ 40 บาท พี/อี 21.9 เท่า
ราคาเสนอขายไอพีโอหุ้นเบทาโกร (BTG) ที่ 40 บาทต่อหุ้น คำนวณจากกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (1 ก.ค.64 – 30 มิ.ย.65 ) ซึ่งเท่ากับ 3,650.1 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว 1,934.80 ล้านหุ้น ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.89 บาท และ P/E Ratio ที่ 21.2 เท่า แต่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จะคิดเป็น P/E ประมาณ 21.9 เท่า เทียบ P/E กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3 บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ได้แก่
บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) อยู่ที่ 25 เท่า
บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป(TFG) อยู่ที่ 32.8 เท่า
บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) อยู่ที่ 27.3 เท่า
5. เบทาโกร (BTG) ระดมทุนใช้เงิน 16,960- 19,521 ล้านบาท
การเข้าซื้อ และ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ ในช่วงปี 2565-67 ประมาณ 8,000 ล้านบาท
ชำระหนี้สินระยะสั้น และ/หรือระยะยาวแก่สถาบันการเงิน ช่วงปี 2565- 66 ประมาณ 8,960 – 10,500 ล้านบาท
ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในช่วงปี 2565-2566 ไม่เกิน 1,021 ล้านบาท
6. เบทาโกร (BTG) มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไร
เบทาโกร (BTG) มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯในแต่ละปี ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมาย
7.”เบทาโกร โฮลดิ้ง ” ถือหุ้นใหญ่ 36.2%
โครงสร้างผู้โครงสร้างการถือหุ้น ภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว “บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด” ยังคงถือหุ้นใหญ่ อันดับ1 สัดส่วน 36.2%