“จงฟูมฟักความฝันและทำมันให้สำเร็จ อย่าเชื่อถ้าใครที่บอกว่าลูกทำไม่ได้
อย่าเชื่อแม้กระทั่งตัวพ่อเอง”
คริสโตรเฟอร์ การ์ดเนอร์
ภาพยนตร์เรื่อง The Pursuit of Happyness
เราทุกๆคนล้วนมีความฝัน โดยความฝันของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป บางคนฝันที่จะได้ทำงานในอาชีพที่ชอบ บางคนฝันว่าจะมีบ้านหลังใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเดินตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ เพราะเราต่างรู้ดีว่าเส้นทางการเดินไปสู่ความฝันนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย
มองกลับไปสมัยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คุณมักจะต้องโดนผู้ใหญ่หรือคุณครูประจำชั้นถามเสมอใช่ไหมคะว่า “โตขึ้นไปอยากจะเป็นอะไร” ในตอนนั้นคำถามนี้มันอาจจะเป็นแค่คำถามง่ายๆ ที่คุณสามารถตอบคุณครูหรือผู้ใหญ่ที่ถามได้อย่างสบายๆ ตอนนั้นคุณก็อาจจะตอบอาชีพที่คุณชอบ ตำรวจบ้าง พยาบาลบ้าง คุณครูบ้าง แล้วกลับมาในวันนี้ คำตอบที่คุณตอบไปในตอนนั้น คุณทำให้มันเป็นจริงแล้วหรือยัง หลายๆคนก็อาจจะยังทำมันไม่สำเร็จ เพราะมันไม่ง่ายเลยที่เดินตามความฝันได้อย่างสบายๆ
แต่ถึงมันจะยากสักแค่ไหนก็มีหลายคนที่สามารถทำมันได้สำเร็จ โดยเบื้องหลังความสำเร็จของคนเหล่านั้นมักจะมี กำลังใจอยู่ข้างหลังพวกเขาเสมอ กำลังใจที่ได้มานั้นอาจจะมาจากเพื่อน จากแฟน หรือจากครอบครัว เพราะในวันที่เราต้องประสบพบเจอกับเรื่องแย่ๆในชีวิต วันที่เส้นทางความฝันของคุณมันชั่งมืดมนไร้ซึ่งแสงสว่าง สิ่งที่จะเยียวยาตัวคุณได้นั้น ก็คงจะเป็นกำลังใจเล็กๆจากคนรอบข้างของคุณนั้นเอง
อย่างเช่น คริสโตรเฟอร์ การ์ดเนอร์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Pursuit of Happyness ที่เขาเป็นเพียงพ่อเลี้ยงเดี่ยวต้องเลี้ยงลูกชายตัวคนเดียว ในเมืองใหญ่ และด้วยฐานะที่ไม่ค่อยจะดีนักของเขา มันจึงทำให้การดำรงชีวิตของเขาและลูกในแต่ละวันมันช่างเป็นไปอย่างยากลำบาก ถึงชีวิตของเขาจะไม่ได้ดีเหมือนอย่างคนอื่น แต่เขาก็เป็นพ่อที่ดีมากที่สุดอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเขาไม่เคยย่อท้อต่อชีวิตเลย ถึงชีวิตของเขาจะยากมากขนาดไหน เพราะเขายังมีลูกชายที่แสนจะน่ารักคอยอยู่เป็นกำลังใจให้กับเขาในวันที่เจออุปสรรคในชีวิตเสมอ
และด้วยความฝันที่เขาอยากจะทำให้ชีวิตของเขาและลูกดีขึ้น มันจึงทำให้เขาไม่ท้อและต่อสู้เพื่อความฝันที่จะมีอนาคตที่ดีได้ และเขาก็ไม่เคยลืมที่จะสอนลูกชายของเขาด้วยเหมือนกัน
อย่างคำคมข้างต้นที่ว่า “จงฟูมฟักความฝันและทำมันให้สำเร็จ อย่าเชื่อถ้าใครที่บอกว่าลูกทำไม่ได้ อย่าเชื่อเมื่อกระทั่งตัวพ่อเอง” ในส่วนนี้ ขยายความได้ว่า คริสโตรเฟอร์ การ์ดเนอร์ อยากจะให้ลูกชายของเขามีความฝันเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน และเขาก็อยากจะให้ลูกชายเขาทำตามความฝันได้สำเร็จด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางครั้งที่ถึงแม้กระทั่งตัวเขาเองที่เป็นพ่อ ก็มีบ้างที่จะไม่เชื่อในความสามารถของลูกชายของเขา ว่าจะสามารถทำตามความฝันได้หรือไม่ เขาจึงอยากให้ลูกของเขาต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยเช่นกันเพราะในชีวิตความเป็นจริงกำลังใจที่สำคัญมากที่สุดก็คือกำลังใจภายในจากตัวของเราเอง เพราะถึงคุณจะมีคนรอบข้างคอยสนับสนุนและคอยให้กำลังใจคุณอย่างล้นหลามมากแค่ไหน หากคุณไม่เชื่อมั่นและไม่ให้กำลังใจตัวเองด้วยแล้ว มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากไม่น้อยที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตของคุณได้
มองกลับมาในชีวิตของใครหลายๆคน ที่มีความฝัน ก็มักมีคนรอบข้างที่ไม่เชื่อในตัวคุณเช่นกัน พวกเขาอาจจะไม่เชื่อว่าตัวคุณจะสามารถทำตามที่คุณฝันไว้ได้ แต่ถึงจะมีใครมองตัวคุณเช่นนั้น คุณก็ห้ามท้อ และอย่าเอาคำพูดที่ส่งผลลบต่อจิตใจของคุณ อย่าเก็บเอามาคิด เพราะนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณแล้ว มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกท้อได้อีกด้วย ลองสลับกันดูไหมคะ แทนที่จะเอาความพูดลบๆจากคนรอบข้างคุณเก็บมาคิดมาก คุณลองนำเอาคำพูดพวกนั้นมาเป็นแรงผลักดันในชีวิตของคุณแทน เปลี่ยนความคิดลบพวกนั้นมาเป็นพลังบวกให้กับตัวคุณ และเมื่อครั้งไหนที่ชีวิตของคุณต้องเจอกับเรื่องยากๆคุณก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง เพื่อเพิ่มพลังบวกให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นไปได้
ไม่ว่าในวันนี้ คุณจะเป็นใคร คุณจะอายุเท่าไหร่ หากคุณมีความฝันเป็นของตัวเองและยังไม่สามารถทำตามความฝันนั้นให้สำเร็จได้ดั่งใจคิด ขอให้คุณจงอย่าท้อถอยคุณจงเอา คริสโตรเฟอร์ การ์ดเนอร์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Pursuit of Happyness มาเป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตตามความฝันของคุณ อย่าเอาคำพูดไม่ดีต่างๆมาทำให้คุณท้อ และจงรับพลังบวกและกำลังใจจากคนรอบรอบข้างที่คุณรักแทน มันอาจจะเป็นเรื่องอยากและต้องใช้เวลาอย่างมากกว่าที่จะมุ่งไปได้ถึงฝัน แต่เชื่อเถอะว่ามันต้องมีสักวันที่เป็นวันของคุณอย่างแน่นอน
