“พีดีเฮ้าส์” โอดวัสดุราคาพุ่ง จ่อปรับราคาบ้านรับต้นทุนใหม่

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

 

พีดีเฮ้าส์ โอด ปี 65 วัสดุก่อสร้างยกขบวนปรับราคา วอนลูกค้าเข้าใจเพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนใหม่ เล็งปรับราคาบ้าน 2-5% หวั่นราคาวัสดุผันผวนตลอดปี กระทบต้นทุนบ้าน แย้มกลางปีอาจปรับราคาอีกรอบ

น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านปี 65 มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น 5-7% จากปีก่อน โดยมีตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวหรือฉุดรั้งกำลังซื้อผู้บริโภค คือ ความผันผวนของราคาวัสดุที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 64 โดยเหล็กโครงสร้างและเหล็กรูปพรรณราคาปรับตัวสูงขึ้น 30% และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาในปีนี้ต่อเนื่อง ขณะที่วัสดุก่อสร้างหลักๆ มีการปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ย 3-5%

“ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังตรึงราคาขายบ้านและแบกรับต้นทุนบางส่วนไว้เอง เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว และธุรกิจรับสร้างบ้านมีการแข่งขันกันสูงมาก รวมทั้งเพื่อมิให้เป็นภาระและกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคมากนัก แต่สถานการณ์ล่าสุด ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเกือบทุกชนิดมีการแจ้งปรับราคาขายใหม่ปี 65 เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 5-15% ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่อาจแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นต่อไป จึงเตรียมปรับราคาขายบ้านครั้งแรกของปี 65 เพิ่ม 2-5%”

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการปรับราคาบ้านในช่วงนี้ ย่อมกระทบต่อผู้บริโภคที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านกับบริษัทฯ พอสมควร แต่เชื่อว่าผู้บริโภคคงจะเข้าใจถึงที่มาและเหตุผลของการปรับราคา เพราะหากพิจารณาจากราคาบ้านที่ปรับขึ้นโดยเฉลี่ย จะพบว่ามิได้ผลักให้ผู้บริโภครับภาระฝ่ายเดียว โดยบริษัทฯ ยังคงแบ่งเบาและแบกรับภาระต้นทุนใหม่เอาไว้เองบางส่วน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังมีความกังวลว่าราคาวัสดุจะมีความผันผวนหรือปรับตัวสูงขึ้นในช่วงกลางปีนี้ หากจำเป็นก็อาจจะต้องมีการปรับราคาบ้านอีกครั้งด้วยเช่นกัน

 

“การปรับราคาของผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างสืบเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหลักและราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลให้ต้นทุนการผลิตและขนส่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และผลดังกล่าวกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะรายที่เน้นแข่งขันในเรื่องของราคาและทำสัญญาปลูกสร้างบ้านกับลูกค้าเอาไว้ตามต้นทุนวัสดุเดิมจำเป็นต้องแบกรับต้นทุนวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นไว้เอง ดังนั้นหากผู้ประกอบการที่ขาดความเป็นมืออาชีพและไม่มีจำนวนสั่งซื้อวัสดุที่มีปริมาณมากพอหรือไม่มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุอาจประสบปัญหาและดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยากลำบาก หรืออาจถึงขั้นต้องเลิกกิจการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคพึงต้องระมัดระวังในการตัดสินใจเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบการรายใดเพื่อมิต้องประสบกับปัญหางบบานปลาย และเสียใจในภายหลัง”

สำหรับการพิจารณาปรับราคาบ้านตามต้นทุนใหม่ปี 65 นี้จะเริ่มมีผลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยเหตุผลที่บริษัทฯยังไม่เริ่มปรับราคาบ้านตั้งแต่ 1 ม.ค.นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบริษัทฯ ได้มีการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเอาไว้โดยขอให้ยืนราคาตามต้นทุนเดิมให้แก่ลูกค้าที่ทำสัญญาปลูกสร้างบ้านกับบริษัทฯ ภายใน 31 ม.ค.นี้ ดังนั้น ผู้บริโภคที่ตัดสินใจได้ทันก็จะประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากพอสมควร หรือคิดเป็น 2-5% ของราคาบ้าน ยกตัวอย่างราคาบ้าน 5 ล้านบาท ประหยัดถึง 250,000 บาท ดังนั้นช่วงเดือนนี้ถือได้ว่าเป็นนาทีทองของผู้บริโภคที่ตัดสินใจสร้างบ้านได้ทันต้นทุนเดิม

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket