3 คำคมรัก จาก 3 หนังรักฮอลีวูด ที่จะจุดประกายความรักของคุณ

แรงบันดาลใจในเรื่องความรัก

มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองหาตรรกะ ในสี่ห้องหัวใจของมนุษย์

It’s a fool who looks for logic in the chambers of the human heart.

จากหนังเรื่อง Match point (2005)

ความรักที่สมหวังของแต่ล่ะคนในช่วงแรกนั้นคงไร้ปัญหาที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายภายในใจ มันคงจริงที่ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารักได้ ในครั้งเริ่มรักจึงไร้ปัญหาใดๆก่อตัวขึ้น แต่พอนานวันเข้าอาจมีบ่อยครั้งที่ฝ่ายหนึ่งต้องทำตามความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่งจนในที่สุดเขาคนนั้นได้ค้นพบว่าตนเองได้ฝืนธรรมชาติความเป็นตัวเองไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หากยังคงดื้อดึงที่จะทำตามความต้องการของอีกฝ่ายขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ก็คงจะไม่มีความสุข หลายครั้งที่ใครบางคนตั้งคำถามว่า ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป? หลายครั้งที่ใครบางคนเข้าใจว่าคงเป็นเพราะอีกคนคงจะเบื่อตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เขาอาจจะเปลี่ยนไปตั้งแต่แรกคบคุณแล้ว เพราะ สิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวันตั้งแต่เริ่มแรกที่คบกันเพื่อให้คุณถูกใจนั้นอาจจะไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆก็ได้ พอวันนึงเขากลับไปเป็นตัวเองเหมือนเดิมจนทำให้คุณมีความคิดว่าเขาเปลี่ยนไป ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้เปลี่ยนแต่แค่เป็นคนที่คุณคาดหวังที่จะให้เป็นไม่ได้อีกต่อไป ถ้าคุณรักคนคนนึงมากพอจงรักที่เขาเป็นเขา อย่าเอาความคาดหวังไปใส่คนที่คุณรักเลย เพราะนั้นมันดูเหมือนว่าคุณรักตัวเองมากกว่า หากแรกรักไร้เหตุผลหรือตรรกกะที่จะหามาอธิบายได้ หากมีปัญหาก็อย่าพยายามหาตรรกะมาอธิบายภายในหัวใจเลย เราควรหาตรรกะมาอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

เรามักไม่รู้ตัวเมื่อความรักเกิดขึ้น แต่เรามักจะรู้ตัวเมื่อความรักจบลง

How come we don’t always know when love begins but we always know when it end.

จากหนังเรื่อง Never been kissed (1999)

หลายต่อหลายคนสุขใจและดีใจเมื่อสมหวังในความรักครั้งหนึ่งที่ได้มีคนคนนึงมารักคุณเหมือนที่คุณรักเขา แต่อย่าลืมไปว่านั้นเป็นแค่ต้นทางของความรักเท่านั้นหาใช่ตอนจบบริบูรณ์ของความรัก การสมหวังอย่างแท้จริงแล้วคือการที่เราได้มีรักที่จริงใจและซื่อตรงต่อกัน นอกจากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างประคับประครองความรักได้ไปตลอดรอดฝังถึงจะเรียกว่าสมหวังในความรักได้อย่างเต็มปากแต่ทั้งนี้แล้วหลายคนคงจะยอมพ่ายแพ้ให้กับหลายสิ่งที่เป็นบททดสอบของคู่รักแต่ล่ะคู่ที่ต้องพบเจอ หรือบางคนอาจจะไม่ได้พ่ายแพ้ต่อสิ่งภายนอกที่เข้ามาก่อกวนความวุ่นวายในชีวิตคู่แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับความหลงลืมของตัวเอง บ่อยครั้งที่เราใช้ชีวิตอยู่กับความเคยชินหลายอย่าง บ่อยครั้งที่เราตื่นขึ้นมาพบเจอหน้าคนคุ้นเคยข้างกาย บ่อยครั้งที่มีคนคอยตั้งรองเท้าไว้ให้หน้าประตูก่อนคุณไปทำงาน บ่อยครั้งที่มีอาหารเช้าวางรอคุณอยู่เมื่อยามที่คุณตื่น บ่อยครั้งที่กลับบ้านมามีคนคนเดิมรอคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันนึงคุณอาจจะหลงลืมความรู้สึกนึงไว้เบื้องหลังเพราะความเคยชิน นั้นก็คือ ความรู้สึกรัก ทั้งที่ความรักได้เกิดกับคุณอยู่ในทุกๆวันมันยังคงทำงานอยู่เพียงแค่ถูกความเคยชินมาบดบังไว้เท่านั้นจนทำให้หลงลืมทิ้งใครบางคนไว้เบื้องหลัง ไร้การตอบสนองของความรัก จนทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าคงไร้ความหมายหากอยู่ในชีวิตของอีกคนต่อและเมื่อเขาคนนั้นจากไป ก็กลับทำให้ใครคนนึงพึ่งคิดขึ้นได้และรู้สึกว่าขาดอะไรไปมันมักจะเป็นเช่นนั้นเสมอเรามักจะไม่รู้ตัวถึงการมีอยู่ของบางสิ่ง จนมารู้ตัวอีกทีตอนที่บางสิ่งได้จากไปแล้ว อย่าปล่อยให้ความรักมาบดบังความเคยชินที่คุณมีอยู่

เรามักจะไม่เห็นค่าของบางสิ่ง จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป

Why we never know what we’ve got until it gone.

จากหนังเรื่อง Center stage (2000)

หลายครั้งที่คุณวางวิดีโอเกมส์เรื่องโปรดไว้ตรงที่เก่า หลายครั้งที่รองเท้าคู่ที่เคยโปรดถูกวางเก็บไว้ในตู้เก็บของ หลายครั้งที่ตุ๊กตาที่เคยกอดกลับแค่วางไว้โชว์หน้าตู้ หลายต่อหลายครั้งที่ตัวกลางซึ่งเป็นกาลเวลาได้พัดผ่านความสำคัญของสิ่งของบางสิ่งจนเหลือเพียงไว้แค่ของธรรมดาที่ตั้งอยู่ แต่หากของสิ่งนั้นได้หล่นหายไปแล้ว เมื่อคุณย้อนคิดเรื่องราวในอดีตของสิ่งของเหล่านั้นแล้วคิดถึงมัน ก็คงจะสายไปแล้ว แต่ยังคงดีที่สิ่งของเหล่านั้นไม่ได้มีความรู้สึกเพียงแค่อาจจะทำให้คุณปราศจากความรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่หากสิ่งที่คุณหลงลืมนั้นกลับไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นใครบางคนที่คุณรักล่ะนอกจากจะเป็นการทำร้ายคนที่รักแล้ว อาจทำให้คุณสูญเสียคนที่รักมากไปจากชีวิตคุณก็เป็นได้ คุณจึงไม่ควรปล่อยปะละเลยความรู้สึกของคนที่คุณรักบ่อยๆอย่างอ้างเรื่องของเวลาว่าเป็นตัวกลางให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนหากใครคนนึงยังมั่นคงและใส่ใจอยู่กาลเวลาซึ่งเป็นตัวกลางที่น่าหวั่นไหวนั้นก็คงจะทำอะไรกับความรู้สึกของคนคนนึงไม่ได้อย่าปล่อยให้คนที่รักร้างลาไปไกลแล้วถึงมาเห็นค่า พยายามทำทุกวันที่มีกันให้ดีที่สุดดีกว่า